วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566
ไบรท์ตัน – เบรนท์ฟอร์ด (02:30 น.)
โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ กุนซือของ ไบรท์ตัน เปิดเผยว่าพวกเขาไม่มีปัญหอาการเจ็บเพิ่มเติมให้ต้องกังวล
คาโอรุ มิโทมะ, พาสคาล โกรส และ เจา เปโดร อาจกลับสู่ไลน์อัพตัวจริงอีกครั้งแต่ ลูวิส ดังค์ กับ มาห์มูด ดาฮูด ยังติดโทษแบน
เบรนท์ฟอร์ด ก็จะไม่มี คริสเตียน นอร์การ์ด เพราะสะสมใบเหลืองครบแล้วติดโทษแบนอัตโนมัติ
มิคเคล ดัมส์การ์ด พร้อมสำหรับการช่วยทีมหลังหายหน้ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ในขณะที่ มาธิอัส เยนเซ่น ต้องรอเช็คอีกที
เบน ฟรีคิกฟันธง : เสมอ 2-2
คริสตัล พาเลซ – บอร์นมัธ (02:30 น.)
พาเลซ จะได้ เจฟฟรีย์ ชลุปป์ กลับมามีชื่อในทีมอีกครั้งหลังเกมที่แล้วหายหน้าไปเพราะปัญหาส่วนตัว
โจเอล วอร์ด ก็อาจจะได้ลงสนามนัดที่ 292 ในพรีเมียร์ลีกทำลายสถิติของ วิลฟรีด ซาฮา
อันโดนี่ อิราโอล่า เฮดโค้ชของ บอร์นมัธ เปิดเผยว่าพวกเขาต้องรอดูนักเตะบางรายเนื่องจากมีอาการป่วย
ที่เหลือก็ยังขาดนักเตะแบบ อเล็กซ์ สก็อตต์, แม็กซ์ อารอนส์, ไทเลอร์ อดัมส์ และ ลอยด์ เคลลี่
เบน ฟรีคิกฟันธง : เสมอ 1-1
ฟูแล่ม – น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (02:30 น.)
ฟูแล่ม ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติมโดยที่ อิสซา ดิย็อป, อาดาม่า ตราโอเร่, โรดริโก้ มูนิซ และ ไทรีส ฟรองซัวส์ ยังไม่พร้อมตามเดิม
แอนโทนี่ โรบินสัน ก็ใกล้จะโดนใบเหลืองครบจนติดโทษแบนอัตโนมัติ
สำหรับ ฟอเรสต์ นั้นจะประเมินอาการของ วิลลี่ โบลี่ กับ มูริลโล่ เสียก่อนจากที่ทั้งสองคนบาดเจ็บในเกมพบกับ เอฟเวอร์ตัน
พวกเขายังต้องรอลุ้น ดานิโล่ ที่มีอาการป่วยจนพลาดเกมนั้นด้วย เช่นเดียวกับ คริส วูด ที่มีปัญหาเจ็บหัวเข่า
เบน ฟรีคิกฟันธง : ฟูแล่ม ชนะ 2-1
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด – ลิเวอร์พูล (02:30 น.)
เชฟฟิลด์ จะมาพร้อมกับกุนซือใหม่อย่าง คริส ไวล์เดอร์ ที่หวนกลับมารับตำแหน่งอีกครั้งหลัง พอล เฮคกิ้งบ็อทท่อม โดนปลดออกไป
โอลี่ แม็คเบอร์นี่ ติดโทษแบนหลังใบแดงจากเกมพบกับ เบิร์นลี่ย์ ส่วน จอร์จ บัลด็อค ก็ไม่น่าจะฟิตทันเวลาสำหรับเกมนี้
ลิเวอร์พูล หมดสิทธิ์ใช้งาน โจเอล มาติป เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า
นั่นทำให้เขาต้องสมทบเหล่าแข้งเจ็บอย่าง อลิสซอน, ดิโอโก้ โชต้า, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ธิอาโก้ อัลคันทาร่า และ สเตฟาน บายเซติช
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– เชฟฟิลด์ พบกับความพ่ายแพ้ตลอด 5 เกมหลังสุดที่พบกับ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก
– ลิเวอร์พูล หาชัยชนะไม่เจอกับการเล่นเกมเยือนพรีเมียร์ลีก 4 เกมหลังสุดและรักษาคลีนชีตไม่ได้เลยจากการเล่นเกมเยือนในลีก 8 นัดที่ผ่านมา
เบน ฟรีคิกฟันธง : ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0
แอสตัน วิลล่า – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (03:15 น.)
วิลล่า ไม่มีปัญหาในเรื่องของอาการบาดเจ็บเพิ่มเติมจากเดิม แต่ อูไน เอเมรี่ ยอมรับนักเตะบางคนอาจมีอาการล้าและเจ็บเล็กน้อย
บูบาคาร์ กามาร่า กลับมาจากการติดโทษแบนแล้วแต่ แมตตี้ แคช, ลูคัส ดีญ และ ดักลาส ลุยซ์ ต่างใกล้ติดโทษแบนอัตโนมัติหลังสะสมใบเหลืองไป 4 ใบแล้ว
แมนฯ ซิตี้ จะไม่มีทั้ง โรดรี้ และ แจ๊ค กรีลิช เพราะสะสมใบเหลืองครบแล้วติดโทษแบนอัตโนมัติ 1 นัด
เฌเรมี่ โดคู ต้องรอเช็คความฟิตแต่ จอห์น สโตนส์ อาจกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– วิลล่า มีโอกาสเทียบสถิติสโมสรกับการกวาดชัยชนะเกมเหย้าในลีก 14 นัดติดต่อกัน
– แมนฯ ซิตี้ เสมอมา 3 เกมติดต่อกันบนลีกสูงสุดและหากไม่ชนะอีกก็จะเทียบสถิติไร้ชัยติดต่อกันนานสุดในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2017
เบน ฟรีคิกฟันธง : แมนฯ ซิตี้ ชนะ 2-1
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เชลซี (03:15 น.)
แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชัวร์ว่า เมสัน เมาท์ จะได้เจอกับทีมเก่าหรือไม่เนื่องจากปัญหาเจ็บน่อง
พวกเขายังขาดเพียบเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็น ไทเรลล์ มาลาเซีย, คาเซมิโร่, จอนนี่ อีแวนส์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, คริสเตียน อิริคเซ่น และ อาหมัด ดิยาลโล่
สำหรับ เชลซี นั้นได้ทั้ง รีซ เจมส์ และ มาร์ก คูคูเรญ่า พ้นโทษแบนกลับมาแต่ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ต้องติดโทษแบน 1 นัดแทน
โนนี่ มาดูเอเก้ กับ เลสลี่ย์ อูโกชุควู ต่างรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ทำให้พวกเขาขาดนักเตะไปถึง 10 รายสำหรับการเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เก็บตกสถิติเล็กน้อย
– แมนฯ ยูไนเต็ด ไร้พ่ายในการเจอกับ เชลซี มา 11 เกมในลีกนับตั้งแต่ตอนที่พวกเขาบุกไปพ่ายถึงถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเดือนพฤศจิกายน 2017 (ชนะ 4 เสมอ 7)
– หนสุดท้ายที่ เชลซี บุกไปเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ในเกมพรีเมียร์ลีกคือเมื่อปี 2013 แล้วหลังจากนั้นมาพวกเขาเสมอไป 6 เกมและแพ้ 4 นัดจากการเยือนถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในพรีเมียร์ลีก
– ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ไป 3 จาก 5 นัดหลังสุดที่ลงสนามเกมเหย้าในพรีเมียร์ลีก
– ส่วน เชลซี เก็บชัยชนะไปได้ 3 จาก 4 นัดที่เล่นเกมเยือนในพรีเมียร์ลีก
เบน ฟรีคิกฟันธง : เชลซี ชนะ 3-1