4 เหตุผล "มาโกโตะ เทกูระโมริ" เหมาะคุมทีมชาติไทย ยู-23

4 เหตุผล
ผลพวงจากการที่ มาโกโตะ เทกูระโมริ กุนซือชาวญี่ปุ่น แสดงความรับผิดชอบด้วยการโบกมือลา ชลบุรี เอฟซี หลังทำผลงานไม่ได้ตามเป้าหมาย ทำให้เขากลายเป็นโค้ชว่างงานในทันที และแม้ว่าการคุมทีมในสยามประเทศจะยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทว่าเทรนเนอร์วัย 56 ปี ยังมีความสามารถที่จะพัฒนาวงการลูกหนังอีกเพียบ ดังนั้น ‘SIAMSPORT’ จึงหาเหตุผลว่าเพราะอะไรเขาจึงเหมาะสมกับการเป็นแม่ทัพช้างศึกรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี!!

[ 1 ] นักปั้นมือทอง

มาโกโตะ เทกูระโมริ เริ่มต้นเส้นทางโค้ชกับ เวกัลตะ เซนได ในปี 2004 ก่อนจะค่อยๆ สะสมประสบการณ์และถูกสโมสรแต่งตั้งให้เป็นกุนซือใหญ่ในซีซั่น 2008

เขาใช้เวลาไม่นาน ก็พาทีมคว้าแชมป์ เจลีก 2 พร้อมคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้อย่างยิ่งใหญ่ และนั่นทำให้ชื่อของเทรนเนอร์คนนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการลูกหนังญี่ปุ่น

ฤดูกาล 2012 คือปีที่ เทกูระโมริ พา เซนได สร้างเซอร์ไพรส์ใน เจลีก กับการจบอันดับ 2 ของตารางการแข่งขัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ทั้งๆ ที่ตัวผู้เล่นก็ไม่ใช่นักเตะซูเปอร์สตาร์ แต่กลับแซงหน้าทีมใหญ่อย่างเหลือเชื่อ

ด้วยเหตุนี้เอง สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น จึงจัดการแต่งตั้งเขาเป็นเฮดโค้ชทีมของทีมรุ่นยู-23 ในปี 2014

แค่ทัวร์นาเมนต์แรก เทกูระโมริ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อนำ เดอะ บลู ซามูไร คว้าแชมป์เอเชีย ได้ทันที ซึ่งครั้งนั้นก็เป็นครั้งเดียวที่ญี่ปุ่น ได้สัมผัสโทรฟี่รายการนี้ พร้อมคว้าตั๋ว โอลิมปิกเกมส์ 2016 ไปแบบสบายๆ

ขุนพลหลายๆ คนในทีมชุดนั้นได้ก้าวเท้าไปสู่ทีมชาติชุดใหญ่ รวมทั้งยังกระโดดไปค้าแข้งในยุโรป ไล่ตั้งแต่ วาตารุ เอ็นโด, ทาคูมิ มินามิโนะ, ทาคูมะ อาซาโนะ, มาโอะมิชิ อูเอดะ, โชยะ นากาจิมะ, ยูยะ คุโบะ, เซอิ มุโรยะ, ยูซูเกะ อิเดกูชิ และอื่นๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ โอลิมปิกเกมส์ 2016 พวกเขาพลาดท่าตกรอบแรก แต่กระนั้นตลอดระยะเวลา 2 ปี กว่าๆ ที่อยู่ในตำแหน่ง เทกูระโมริ ก็ได้สร้างอะไรไว้เพียบ ซึ่งจากผลงานที่ออกมา สะท้อนให้เห็นชัดเจนเลยว่าเขาเป็นกุนซือ ‘นักปั้น’ ตัวจริง

[ 2 ] ‘เจแปน เวย์ส’ ต้องมา

โทษฐานที่ทีมชาติไทย ประกาศแต่งตั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ แทนที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง พร้อมภารกิจกู้ศรัทธาและยังมีทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง เอเชียน คัพ 2023 และฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกรออยู่

ด้วยความที่กุนซือใหญ่ของทัพช้างศึกเป็นชาวญี่ปุ่น ดังนั้นถ้าจะให้การพัฒนาสอดคล้องไปทั้งระบบ มันจึงต้องใช้เทรนเนอร์จากชาติเดียวกันเข้ามาช่วยทำทีม ซึ่งชื่อของ เทกูระโมริ คือตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชาติชุดยู-23

ประสบการณ์การนำ เดอะ บลู ซามูไร คว้าแชมป์เอเชีย (รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี) ในปี 2016 อีกทั้งยังปลุกปั้นนักเตะดาวรุ่งจนโด่งดังมาหลายราย บวกเข้ากับมันสมองในการแก้เกม คือโปรไฟล์อันเลิศหรูของอดีตเฮดโค้ช เวกัลตะ เซนได

ทว่าสิ่งที่น่าสนใจและดูจะเหมาะเหม๋งกับทีมชาติไทย มากที่สุด คือการที่ทัพช้างศึกชุดใหญ่เป็น อิชิอิ ส่วนชุดยู-23 เป็น เทกูระโมริ มันคงจะทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพราะได้เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น มาวางโครงสร้างตั้งแต่ทีมรุ่นอายุน้อย

ถ้าจะให้ดีไปเลย ในแต่ละชุด ไม่ว่าจะอายุไม่เกิน 12 ไปจนถึง 21 ปี หากนำ เจแปน โมเดล มาใช้ในระยะยาว วงการลูกหนังบ้านเราอาจจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้นก็ได้ เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นกันชัดๆ ใกล้ๆ ตัว

[ 3 ] รู้จักนักเตะไทย ดีพอสมควร

เทกูระโมริ เข้ามารับงานในเมืองไทย ในช่วงต้นปี 2022 โดยเริ่มต้นจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งก็อยู่ในตำแหน่งได้ราวๆ 10 เดือน และด้วยระยะเวลาเท่านี้ มันจึงทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในสยามประเทศพอสมควร

ถัดไปไม่ถึงปี เขาก็ได้รับการทาบทามจาก ชลบุรี เอฟซี และก็ลงเอยกันในเดือนพฤษภาคม 2023 ก่อนที่จะตัดสินใจรับผิดชอบผลงานด้วยการลาออกจากการเป็นเฮดโค้ชในช่วงธันวาคม

ดังนั้นจึงนับได้ว่า เทกูระโมริ ซึมซับความเป็น ไทยแลนด์ สไตล์ ได้พอควรทีเดียว และตลอดระยะเวลา 2 ปี เขาเองก็คงจะรู้ว่าแก่นของปัญหาอยู่ตรงจุดไหน

นอกจากนี้ การที่คุมทีมในสยามประเทศมา 2 ทีม ทำให้เขามีความเข้าใจในฟุตบอลไทย พอสมควร และก็คงจะคุ้นชินกับบรรดาผู้เล่นอายุน้อยที่จะเติบใหญ่ในวันข้างหน้า

หากกลุ่มยังบลัดได้มารับการขัดเกลาโดยโค้ชมากประสบการณ์ที่มีความเป็นมืออาชีพสูงลิ่ว คงจะทำให้นักเตะเยาวชนได้แง่คิดต่างๆ ทั้งในและนอกสนามมากมาย ซึ่งผลประโยชน์สูงสุดก็จะตกอยู่กับวงการฟุตบอลไทย นี่แหละ

[ 4 ] ประสบการณ์เข้มคลั่ก

นอกจากจะเคยนำ เวกัลตะ เซนได คว้าแชมป์ เจลีก 2 (2009) รวมถึงพาทีมไปไกลถึงอันดับ 2 ของ เจลีก (2012) กระทั่งได้คุมทัพญี่ปุ่น รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และก็ผลงานดีต่อเนื่องกับการผงาดเป็นเบอร์หนึ่งของทวีป (2016)

นอกจากโปรไฟล์อันเลิศเลอข้างต้น เทกูระโมริ ยังเป็นผู้ช่วยโค้ช เดอะ บลู ซามูไร ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่าง วาฮิด ฮาลิฮ็อดซิช กับ อากิระ นิชิโนะ อีกต่างหาก

การได้อยู่กับกุนซือที่เก่งกาจทั้งสองคน ทำให้เขาได้เรียนรู้แท็กแติกและกลยุทธ์ต่างๆ มากมาย ก่อนจะนำมาปรับใช้ในสไตล์ของตนเอง ซึ่งนั่นเองที่ทำให้เทรนเนอร์วัย 56 ปี สมารถถ่ายทอดวิชาส่งต่อไปยังนักเตะเยาวชน เพื่ออนาคตข้างหน้าจะได้เติบใหญ่ไปเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพ

Rate this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *